การวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาถือเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายฟอเร็กซ์อย่างมีข้อมูล แม้ว่าจะมีแผนภูมิหลายประเภทให้เลือกใช้ แต่แผนภูมิแท่งซึ่งเรียกอีกอย่างว่าแผนภูมิ OHLC จะให้มุมมองที่ครอบคลุมมากกว่าโดยแสดงราคาเปิด ราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิดสำหรับแต่ละช่วงเวลา
แผนภูมิประเภทนี้ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถมองเห็นความผันผวนและแนวโน้มของตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่าสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงข้อมูลสำคัญของแผนภูมิแท่ง โดยครอบคลุมถึงวิธีการทำงาน ส่วนประกอบ และความแตกต่างจากแผนภูมิประเภทอื่น เมื่ออ่านจบ คุณจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีใช้ประโยชน์จากแผนภูมิแท่งในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ
แผนภูมิแท่งในการซื้อขาย Forex คืออะไร?
แผนภูมิแท่งในการซื้อขายฟอเร็กซ์เป็นการแสดงภาพกราฟิกที่แสดงราคาเปิดและราคาปิด รวมถึงจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของคู่สกุลเงินในช่วงเวลาที่กำหนด แผนภูมิแท่งแตกต่างจากแผนภูมิเส้นซึ่งติดตามเฉพาะราคาปิดเท่านั้น แผนภูมิแท่งให้มุมมองที่ละเอียดกว่าของกิจกรรมราคาในแต่ละช่วงเวลา ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าใจช่วงราคาสำหรับช่วงเวลานั้นได้ ซึ่งทำให้แผนภูมิแท่งมีประโยชน์อย่างยิ่งในการวิเคราะห์แนวโน้มและความรู้สึกของตลาด
แต่ละแท่งแสดงถึงช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น นาที ชั่วโมง หรือวัน) และขนาดของแท่งจะสะท้อนถึงความผันผวนภายในกรอบเวลานั้นๆ ยิ่งแท่งมีขนาดใหญ่ ราคาก็จะผันผวนมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งแท่งมีขนาดเล็ก ตลาดก็จะยิ่งเงียบเหงาลง
ส่วนประกอบที่สำคัญของแผนภูมิแท่ง
เพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงวิธีการตีความแผนภูมิแท่ง เรามาแยกส่วนประกอบหลักของแผนภูมิแท่งกัน:
1. แท่งแนวตั้งแสดงช่วงราคา
- ความสูงของแท่งแต่ละแท่งแสดงถึง ช่วงราคาซื้อขาย ภายในระยะเวลาที่กำหนด ส่วนล่างของแท่งแสดง ราคาซื้อขายที่ต่ำที่สุด ในขณะที่ส่วนบนแสดง ราคาซื้อขายสูงสุด
- แท่งที่ใหญ่ขึ้นแสดงถึงความผันผวนที่สูงขึ้น โดยราคาจะผันผวนอย่างมากในช่วงเวลาดังกล่าว แท่งที่เล็กลงแสดงถึงความผันผวนที่น้อยลงและช่วงเวลาการซื้อขายที่เงียบลง
2. ราคาเปิดและราคาปิด
- แฮชแนวนอนที่ ด้านซ้าย ของแท่งจะแสดงราคาเปิด
- แฮชแนวนอน ทางด้านขวาแสดงราคาปิด
- เมื่อพิจารณาจากสองจุดนี้ เทรดเดอร์สามารถประเมินการเคลื่อนไหวของราคาโดยรวมในช่วงเวลาดังกล่าวได้ แท่งที่มีราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดบ่งชี้ถึง แนวโน้มขาขึ้น (ราคาเพิ่มขึ้น) ในขณะที่ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดบ่งชี้ถึง แนวโน้มขาลง (ราคาลดลง)
3.โครงสร้าง OHLC
- แผนภูมิแท่งมักเรียกว่า แผนภูมิ OHLC เนื่องจากแสดง ราคาเปิด ราคาสูง ราคาต่ำ และราคาปิด ของแต่ละช่วงเวลา ทำให้วิเคราะห์พฤติกรรมราคาและแนวโน้มตลาดได้ง่ายกว่าแผนภูมิเส้น
ตัวอย่าง: แผนภูมิแท่งของ EUR/USD
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังดูแผนภูมิแท่งของคู่สกุลเงิน EUR/USD ในกรอบเวลาหนึ่งชั่วโมง แผนภูมิแท่งดังกล่าวจะมีลักษณะดังนี้:
- ความสูงของแถบแนวตั้ง จะแสดงช่วงการเคลื่อนไหวของราคาในแต่ละชั่วโมง
- แฮชทางซ้าย แสดงราคาในตอนเริ่มต้นชั่วโมง (เปิด)
- แฮชด้านขวา แสดงราคาในตอนสิ้นชั่วโมง (ปิด)
- แท่งขนาดใหญ่บนแผนภูมิอาจบ่งชี้ถึงกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ข่าวหรือความผันผวนของตลาด
แผนภูมิแท่งช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดได้อย่างไร
แผนภูมิแท่งสามารถแสดงข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมของตลาดซึ่งไม่สามารถสังเกตได้ง่ายในแผนภูมิอื่น มาสำรวจประโยชน์ที่แผนภูมิแท่งมอบให้กัน:
1. การสร้างภาพความผันผวนของราคา
- ขนาดของแท่ง ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถประเมินระดับความผันผวนได้อย่างรวดเร็ว ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง แท่งจะดูใหญ่ขึ้น ซึ่งบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรุนแรง ในทางตรงกันข้าม แท่งที่เล็กลงแสดงถึงตลาดที่สงบกว่า
- ตัวอย่างเช่น ขนาดของแท่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในระหว่างการประกาศเศรษฐกิจที่สำคัญหรือเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งบ่งชี้ถึงความผันผวนที่สูงขึ้น และให้ข้อมูลที่เป็นภาพแก่ผู้ซื้อขายเพื่อปรับกลยุทธ์การซื้อขายของพวกเขา
2. การระบุแนวโน้มราคาและการกลับตัว
- เทรดเดอร์สามารถระบุแนวโน้มได้โดยการสังเกตตำแหน่งของ ราคาเปิดและราคาปิด แท่งราคาชุดหนึ่งที่ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดอย่างสม่ำเสมอบ่งชี้ถึง แนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่ราคาปิดชุดหนึ่งที่ต่ำกว่าราคาเปิดแสดงถึง แนวโน้มขาลง
- เมื่อขนาดของแท่งเริ่มลดลง อาจเป็นสัญญาณ ของการสูญเสียโมเมนตัม ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มได้
3. การระบุระดับแนวรับและแนวต้านสำคัญ
- แผนภูมิแท่งจะเน้นให้เห็นจุด สูงสุดและจุดต่ำสุด ของแต่ละช่วงเวลาการซื้อขาย ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถระบุระดับแนวรับและแนวต้านได้ จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งรอบๆ จุดราคาเฉพาะอาจบ่งชี้ถึงพื้นที่แนวต้านหรือแนวรับที่แข็งแกร่ง
- ตัวอย่างเช่น หากราคาไม่สามารถทะลุจุดสูงสุดที่กำหนดเหนือแท่งหลายแท่งได้ อาจเป็นสัญญาณของระดับแนวต้าน กระตุ้นให้ผู้ซื้อขายระมัดระวังหรือทำกำไรที่ระดับนั้น
4. การทำความเข้าใจอารมณ์ของตลาด
- ตำแหน่งเปิด-ปิดของกันและกันเผยให้เห็นว่าผู้ซื้อหรือผู้ขายครองตลาดในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งให้เบาะแสเกี่ยวกับ ความรู้สึกของตลาด การปิดแท่งใกล้จุดสูงสุดบ่งบอกถึงการควบคุมของผู้ซื้อ ในขณะที่การปิดใกล้จุดต่ำสุดบ่งบอกถึงการครอบงำของผู้ขาย
แผนภูมิแท่งเทียบกับแผนภูมิเส้น: ความแตกต่างที่สำคัญ
แม้ว่า แผนภูมิเส้น จะเรียบง่ายกว่าและแสดงเฉพาะราคาปิด แต่แผนภูมิแท่งจะให้มุมมองที่ครอบคลุมมากกว่าโดยแสดงราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของแต่ละช่วงเวลา ต่อไปนี้คือการเปรียบเทียบแบบรวดเร็ว:
คุณสมบัติ | แผนภูมิแท่ง (OHLC) | แผนภูมิเส้น |
ข้อมูลที่แสดง | ราคาเปิด สูง ต่ำ ปิด | ราคาปิดเท่านั้น |
มุมมองความผันผวน | แสดงความผันผวนอย่างชัดเจนผ่านขนาดแท่ง | ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความผันผวนที่จำกัด |
การวิเคราะห์แนวโน้ม | แนวโน้มและการกลับตัวโดยละเอียด | ข้อมูลแนวโน้มพื้นฐาน |
ความรู้สึกของตลาด | ง่ายต่อการวัดโดยอิงจากตำแหน่งเปิด-ปิด | การวิเคราะห์ความรู้สึกที่จำกัด |
สำหรับผู้ค้าที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวและความผันผวนของราคา แผนภูมิแท่งจะให้ ข้อมูลเชิงลึกมากกว่า แผนภูมิเส้น อย่างไรก็ตาม แผนภูมิแท่งยังต้องการการตีความเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย

ข้อดีของการใช้แผนภูมิแท่งในการซื้อขายฟอเร็กซ์
1. ข้อมูลราคาแบบครอบคลุม
- กราฟแท่งช่วยให้เห็นภาพรวมด้วยการแสดงจุดราคาที่สำคัญทั้งหมด (OHLC) ช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นโดยอิงตามสภาวะตลาดที่แม่นยำ
2. การวิเคราะห์ความผันผวนที่ได้รับการปรับปรุง
- ความสามารถในการมองเห็นความผันผวนด้วยการสังเกตขนาดแท่งเพียงอย่างเดียวทำให้แผนภูมิเหล่านี้มีคุณค่าอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาผันผวนสูง ช่วยให้ผู้ซื้อขายเตรียมตัวและตอบสนองได้อย่างเหมาะสม
3. การวิเคราะห์แนวโน้มและความรู้สึกเชิงลึก
- แผนภูมิแท่งช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์แนวโน้มได้แม่นยำยิ่งขึ้น เนื่องจากตำแหน่งของจุดเปิดและจุดปิดสะท้อนถึงความรู้สึกของตลาดในแต่ละช่วงเวลา การรับรู้ความแตกต่างเหล่านี้สามารถปรับปรุงความแม่นยำในการซื้อขายได้
4. ความสามารถในการตรวจจับการกลับตัว
- รายละเอียดที่แผนภูมิแท่งให้ไว้ทำให้สามารถระบุจุดกลับตัวของแนวโน้มได้ง่ายขึ้นในช่วงแรกๆ โดยการสังเกตการลดลงของขนาดแท่งหรือพฤติกรรมราคาที่สม่ำเสมอ เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในทิศทางของตลาดได้
เคล็ดลับการใช้แผนภูมิแท่งในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ
เมื่อใช้แผนภูมิแท่งในกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ ควรพิจารณาเคล็ดลับต่อไปนี้:
- จับคู่กับตัวบ่งชี้ทางเทคนิค : ใช้แผนภูมิแท่งควบคู่ไปกับตัวบ่งชี้ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ หรือ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์ (RSI) เพื่อยืนยันแนวโน้มและการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น
- วิเคราะห์กรอบเวลาต่างๆ : ดูแผนภูมิแท่งข้ามกรอบเวลาต่างๆ (เช่น รายวันและรายสัปดาห์) เพื่อทำความเข้าใจแนวโน้มและความผันผวนของตลาดได้ดีขึ้น
- ระบุรูปแบบที่สอดคล้องกัน : มองหารูปแบบที่เกิดขึ้นซ้ำในขนาดของแท่งและความสัมพันธ์ระหว่างการเปิด-ปิดเพื่อค้นหาโอกาสในการซื้อขาย เช่น การทะลุกรอบหรือช่วงการรวมตัว
บทสรุป: การใช้แผนภูมิแท่งเพื่อการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีข้อมูล
แผนภูมิแท่งในรูปแบบ OHLC ช่วยให้เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการมองเห็นช่วงราคา ความผันผวน และแนวโน้มของตลาดอย่างครอบคลุม โดยการทำความเข้าใจองค์ประกอบสำคัญของแผนภูมิแท่ง เทรดเดอร์จะสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น คาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของตลาด และปรับแต่งกลยุทธ์การซื้อขายของตนได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือผู้มีประสบการณ์ การเรียนรู้การวิเคราะห์แผนภูมิแท่งจะช่วยให้คุณได้เปรียบคู่แข่งในโลกแห่งการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เริ่มใช้แผนภูมิแท่งในชุดเครื่องมือการซื้อขายของคุณและรับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าที่จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการซื้อขายของคุณได้ โปรดจำไว้ว่ายิ่งคุณฝึกฝนการตีความแผนภูมิแท่งมากเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีทักษะในการระบุแนวโน้มสำคัญ รูปแบบความผันผวน และการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นมากขึ้นเท่านั้น สนุกกับการเทรด!